เจาะลึก: ความแตกต่างและหลักปฏิบัติในการออก SBLC/BG ระหว่างธนาคารและนักลงทุน

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการขอ SBLC (Standby Letter of Credit) หรือ BG (Bank Guarantee) โดยตรงจากธนาคาร กับการ “เช่า” จากนักลงทุน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายคือการได้มาซึ่งหนังสือค้ำประกัน แต่กระบวนการเบื้องหลัง ทั้งเรื่อง การจ่ายเงิน การวางหลักประกัน และการอนุมัติ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

การออก SBLC/BG กับ “ธนาคาร”: เน้นหลักประกันและความน่าเชื่อถือ

เมื่อคุณติดต่อธนาคารเพื่อขอออก SBLC หรือ BG ธนาคารจะประเมินคุณในฐานะ “ลูกค้าสินเชื่อ” โดยมีแนวคิดหลักคือการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยงของคุณเอง นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้:

1. “จ่ายเงินก่อน” หรือไม่?

โดยหลักการแล้ว คุณจะไม่ต้อง “จ่ายเงินสดเต็มจำนวน” ของมูลค่า SBLC/BG ล่วงหน้าก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติหรือออกตราสาร เหมือนกับการซื้อสินค้าทั่วไป แต่สิ่งที่ธนาคารต้องการคือ “หลักประกัน” ซึ่งอาจเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ:

  • เงินฝากค้ำประกัน (Cash Collateral): นี่คือรูปแบบที่ใกล้เคียงที่สุดกับการ “จ่ายเงินก่อน” แต่เงินจำนวนนี้ ยังคงเป็นของคุณ โดยธนาคารจะ “อายัด” เงินก้อนนี้ไว้ในบัญชีของคุณ หรือให้คุณโอนไปบัญชีพิเศษที่ธนาคารควบคุมได้ เพื่อเป็นหลักประกันเต็มจำนวนหรือบางส่วนของวงเงิน SBLC/BG เงินนี้จะถูกปลดล็อกและคืนให้คุณเมื่อ SBLC/BG หมดอายุและไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) นี่ไม่ใช่การจ่ายขาดเหมือนค่าเช่า

  • สินทรัพย์อื่นๆ เป็นหลักประกัน: ธนาคารอาจยอมรับหลักประกันประเภทอื่น ๆ เช่น:

    • อสังหาริมทรัพย์: โฉนดที่ดิน, อาคาร, คอนโดมิเนียม

    • พันธบัตรหรือหลักทรัพย์อื่นๆ: ที่ธนาคารประเมินมูลค่าและสภาพคล่องแล้ว

    • เครื่องจักรหรือสินค้าคงคลัง: ในบางกรณีพิเศษ

    • หนังสือค้ำประกันจากธนาคารอื่น (Counter Guarantee): หากเป็นธุรกรรมที่ซับซ้อน หรือมีธนาคารหลายแห่งเข้ามาเกี่ยวข้อง

  • ไม่มีหลักประกัน (Clean Basis): สำหรับลูกค้าที่มีประวัติเครดิตดีเยี่ยม มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารสูง และมีความมั่นคงทางการเงินมาก ธนาคารอาจพิจารณาออก SBLC/BG โดยไม่ต้องวางหลักประกันเต็มจำนวน แต่อาจขอหลักประกันแบบเบาบาง หรือใช้เครดิตไลน์ที่มีอยู่

  • ค่าธรรมเนียม: จะมี ค่าธรรมเนียมการออก (Issuance Fee) และ ค่าธรรมเนียมรายปี/รายงวด (Annual/Quarterly Fee) ซึ่งจะถูกเรียกเก็บหลังจากที่ธนาคารอนุมัติและออกตราสารแล้ว หรือตามที่ตกลงกัน ไม่ได้ถูกเรียกเก็บล่วงหน้าก่อนการอนุมัติ

2. รู้ได้อย่างไรว่า “ธนาคารอนุมัติ”?

กระบวนการอนุมัติ SBLC/BG ของธนาคารเป็นไปตามขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ คุณจะทราบว่าได้รับการอนุมัติก็ต่อเมื่อ:

  1. การพิจารณาสินเชื่อ (Credit Assessment): ธนาคารจะทำการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัทคุณอย่างละเอียด เช่น งบการเงิน, ประวัติการเดินบัญชี, กระแสเงินสด, หนี้สิน, และแผนธุรกิจ เจ้าหน้าที่ธนาคารอาจสัมภาษณ์ผู้บริหารหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

  2. การวิเคราะห์ความเสี่ยงและหลักประกัน: ธนาคารจะประเมินความเสี่ยงของธุรกรรมที่คุณต้องการใช้ SBLC/BG และประเมินมูลค่าของหลักประกันที่คุณเสนอ ว่าเพียงพอต่อความเสี่ยงหรือไม่

  3. การอนุมัติจากคณะกรรมการ/ผู้มีอำนาจ (Credit Committee Approval): คำขอของคุณจะถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการสินเชื่อหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเพื่อทำการอนุมัติอย่างเป็นทางการ

  4. หนังสือแจ้งการอนุมัติ (Approval Letter/Facility Offer Letter): นี่คือ หลักฐานสำคัญ คุณจะได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากธนาคารที่ระบุว่าคำขอของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว โดยจะระบุวงเงิน, ประเภทของ SBLC/BG, วัตถุประสงค์, เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติ, หลักประกันที่ต้องวาง, และ ค่าธรรมเนียม ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน

  5. การลงนามในสัญญาและจัดเตรียมหลักประกัน: เมื่อคุณยอมรับเงื่อนไขในหนังสือแจ้งการอนุมัติ คุณจะต้องลงนามในสัญญาต่าง ๆ กับธนาคาร และดำเนินการวางหลักประกันให้ครบถ้วนตามที่ตกลง

  6. การออก SBLC/BG จริง: หลังจากที่คุณปฏิบัติตามเงื่อนไขและวางหลักประกันครบถ้วนสมบูรณ์ ธนาคารจึงจะทำการออก SBLC/BG (หรือส่งผ่านระบบ SWIFT) ไปยังผู้รับผลประโยชน์ตามที่คุณระบุ

สรุปคือ คุณจะมั่นใจได้ว่าธนาคารอนุมัติเมื่อคุณได้รับ “หนังสือแจ้งการอนุมัติ” และผ่านขั้นตอนการทำสัญญาและวางหลักประกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ตราสารจะถูกออกจริง

การ “เช่า” SBLC/BG กับ “นักลงทุน”: เน้นค่าธรรมเนียมล่วงหน้าและความสะดวก

การ “เช่า” SBLC/BG จากนักลงทุน (หรือที่เรียกกันว่า Lease SBLC/BG) เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่อาจไม่มีหลักประกันเพียงพอที่จะวางกับธนาคารโดยตรง หรือต้องการความยืดหยุ่นบางอย่างในกระบวนการ

1. ทำไมต้องจ่าย “ค่าเช่าล่วงหน้า” กับนักลงทุน?

นี่คือหัวใจสำคัญที่แตกต่างจากการขอจากธนาคารโดยตรง:

  • นักลงทุนแบกรับความเสี่ยงสูงกว่า (สำหรับเครดิตของคุณ): เมื่อนักลงทุนใช้เครดิตของตนเองไปขอ SBLC/BG จากธนาคารของพวกเขาเพื่อค้ำประกันให้กับคุณ นักลงทุนจะรับความเสี่ยงโดยตรงในกรณีที่คุณผิดนัดและธนาคารเรียกเก็บเงินจาก SBLC/BG นั้น ค่าเช่าล่วงหน้าจึงเป็น “ค่าชดเชยความเสี่ยง” และเป็นเหมือน “เงินมัดจำ” เบื้องต้น

  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของนักลงทุน: การออก SBLC/BG ไม่ใช่ไม่มีค่าใช้จ่าย นักลงทุนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารผู้ออก, ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย, ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษา, และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสถานะของคุณ ค่าเช่าล่วงหน้าจึงช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายแรกเริ่มเหล่านี้

  • ต้นทุนโอกาสของนักลงทุน (Opportunity Cost): เงินหรือวงเงินสินเชื่อที่นักลงทุนนำไปผูกไว้กับการออก SBLC/BG ให้คุณ คือเงินที่พวกเขาไม่สามารถนำไปลงทุนในช่องทางอื่นที่อาจสร้างผลตอบแทนได้ ค่าเช่าล่วงหน้าจึงเป็นการชดเชยต้นทุนโอกาสนี้บางส่วน

  • แสดงความมุ่งมั่นและความจริงจัง: การที่คุณพร้อมจ่ายเงินก้อนแรกนี้เป็นการพิสูจน์ความจริงจังทางการเงินของคุณ และแสดงให้เห็นว่าคุณมีเจตนาที่จะทำธุรกรรมนี้จริง ไม่ใช่เพียงแค่สอบถามเล่น ๆ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

2. รู้ได้อย่างไรว่า “นักลงทุนอนุมัติ”?

กระบวนการกับนักลงทุนอาจมีความเป็นทางการน้อยกว่าธนาคาร แต่ก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องติดตาม:

  1. การนำเสนอเอกสาร (Due Diligence by Investor): คุณจะต้องส่งเอกสารบริษัท, แผนธุรกิจ, และข้อมูลการเงินให้นักลงทุนพิจารณา เพื่อให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงและศักยภาพ

  2. ข้อเสนอ (Term Sheet/Offer Letter): หากนักลงทุนสนใจ พวกเขาจะส่งข้อเสนอเบื้องต้น (Term Sheet) ซึ่งระบุเงื่อนไขการเช่า, ค่าเช่า, ระยะเวลา, และข้อกำหนดอื่น ๆ

  3. การเจรจาและทำสัญญา (Negotiation and Agreement): คุณและนักลงทุนจะเจรจาเงื่อนไขจนได้ข้อสรุป และทำการลงนามใน สัญญาการเช่า SBLC/BG (Lease Agreement) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ระบุสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเงื่อนไขการชำระค่าเช่าล่วงหน้า

  4. การจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า: หลังจากลงนามในสัญญา และก่อนที่นักลงทุนจะดำเนินการขอ SBLC/BG จากธนาคารของพวกเขา คุณจะต้องทำการจ่าย “ค่าเช่าล่วงหน้า” ตามที่ตกลงในสัญญา

  5. การออก SBLC/BG จากธนาคารของนักลงทุน: เมื่อได้รับค่าเช่าล่วงหน้าแล้ว นักลงทุนจะนำสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการขอ SBLC/BG จากธนาคารของพวกเขา โดยระบุคุณเป็นผู้ขอและผู้รับผลประโยชน์ที่คุณต้องการ

  6. การแจ้งการออกตราสาร: คุณจะได้รับการแจ้งยืนยันว่า SBLC/BG ได้ถูกออกและส่งถึงผู้รับผลประโยชน์แล้ว โดยอาจเป็นการส่ง SWIFT MT760 Copy หรือเอกสารยืนยันจากธนาคารของนักลงทุน

สรุปคือ คุณจะรู้ว่านักลงทุน “อนุมัติ” และพร้อมดำเนินการเมื่อมีการลงนามในสัญญาเช่าและคุณได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าแล้ว

ตารางเปรียบเทียบ: ธนาคาร vs. นักลงทุน

คุณสมบัติ

การออก SBLC/BG กับ ธนาคาร

การ “เช่า” SBLC/BG กับ นักลงทุน

ความต้องการ “เงินก่อน”

ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตราสารเต็มจำนวนล่วงหน้า แต่ต้องวาง หลักประกัน (อาจเป็นเงินสดที่ถูกอายัด) และจ่ายค่าธรรมเนียมเมื่ออนุมัติ

จำเป็นต้องจ่าย “ค่าเช่าล่วงหน้า” ตามสัญญา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายขาดและไม่ใช่หลักประกันเงินคืน

หลักประกัน

ผู้ขอต้องวางหลักประกันโดยตรง (เงินสด, อสังหาฯ, หลักทรัพย์) เพื่อค้ำประกันกับธนาคารผู้ออก

ผู้ขอไม่ต้องวางหลักประกันโดยตรง (นักลงทุนใช้เครดิตและหลักประกันของตนเองกับธนาคาร) แต่ค่าเช่าล่วงหน้าทำหน้าที่คล้ายการวางมัดจำ

แหล่งที่มาของ SBLC/BG

ธนาคารที่คุณยื่นขอโดยตรง

ธนาคารของ นักลงทุน เป็นผู้ออก โดยใช้เครดิตของนักลงทุน

การพิจารณาหลัก

ความแข็งแกร่งทางการเงิน, ประวัติเครดิต, และหลักประกันของ ผู้ขอ

ความสามารถในการชำระค่าเช่า, วัตถุประสงค์, และความน่าเชื่อถือของ ผู้ขอ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงของนักลงทุน

ค่าใช้จ่าย

ค่าธรรมเนียมการออก/รายปี (คำนวณจากวงเงิน) และต้นทุนการบล็อกหลักประกัน

ค่าเช่าล่วงหน้า, ค่าเช่ารายงวด, และอาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ (คำนวณจากวงเงินและระยะเวลา)

ความแน่นอนของอนุมัติ

ชัดเจนเมื่อได้รับ หนังสือแจ้งการอนุมัติอย่างเป็นทางการ และทำสัญญา

ชัดเจนเมื่อ ลงนามในสัญญาเช่าและจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า (นักลงทุนจึงจะเริ่มดำเนินการ)

เหมาะสำหรับ

ธุรกิจที่มีหลักประกันเพียงพอและมีประวัติเครดิตดีกับธนาคาร

ธุรกิจที่ขาดหลักประกันโดยตรง หรือต้องการความรวดเร็วและความยืดหยุ่นในบางกรณี